วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

มรรคมีองค์ ๘

มรรค  คือหนทางถึงความดับทุกข์ เป็นส่วนหนึ่งของอริยสัจ (เรียกว่า มัคคสัจจ์ หรือ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ)  เป็นหนทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง  เป็นไปเพื่อกำจัดกิเลส เป็นหนทางที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ หมดจดแห่งสัตว์ทั้งหลาย   อริยมรรค หนทางของผู้ไกลจากกิเลส , หนทางอย่างประเสริฐ  หมายถึง  มรรค มีองค์  ๘    อันเป็นหนทางอย่างประเสริฐ        เพราะทำให้ผู้อบรมบรรลุถึงความเป็นพระอริยเจ้า  พ้นจากความเป็นปุถุชน     และพ้นจากการเกิดในอบายภูมิโดยเด็ดขาด

ซึ่ง ประกอบด้วย อริยมรรค 8 ประการดังนี้ 


๑. สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นที่ถูกต้อง , ความเห็นชอบ  ได้แก่   ปัญญาเจตสิก  ซึ่งมีลักษณะ ที่รู้สภาพธรรม ตามความเป็นจริง สัมมาทิฎฐิมีหลายระดับ ตั้งแต่กัมมสกตาสัมมาทิฏฐิ ( ความเห็นถูกเรื่องความมีกรรมเป็นของๆ ตน )      ฌานสัมมาทิฏฐิ   ( ความเห็นถูก ที่เกิดกับฌานจิต )  วิปัสสนาสัมมาทิฏฐิ  ( ความเห็นถูกที่เกิดกับวิปัสสนา    ซึ่งขณะ ที่เป็นสติปัฏฐานก็เป็นมรรคมีองค์  ๕      แต่ขณะที่มรรคจิตเกิดขึ้นประหาณกิเลสเป็นสมุจเฉทก็เป็นมรรคมีองค์  ๘   เป็นต้น 

๒. สัมมาสังกัปปะ    ความดำริชอบ  หมายถึง   วิตกเจตสิกที่ตรึกที่ลักษณะของนามธรรมหรือรูปธรรมที่กำลังปรากฏ     เพื่อสติจะได้ระลึก     ปัญญาจะได้ศึกษา ในลักษณะของนามรูป  สัมมาสังกัปปะมีอาการ  สามอย่าง  คือ ...
          ๑. ดำริในการออกจากกาม

          ๒. ดำริในการไม่พยาบาท

          ๓. ดำริในการไม่เบียดเบียน 


๓. สัมมมาวาจา คือ เจรจาที่ถูกต้อง หมายถึง การพูดที่ต้องละเว้นจากการวจีทุจริต ๔ อย่างคือ
         ๑. เว้นจากการพูดปด
         ๒. เว้นจากการพูดส่อเสียด
        ๓. เว้นจากการคำหยาบ
        ๔เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

๔. สัมมากัมมันตะ คือ การปฏิบัติที่ถูกต้อง หมายถึง การกระทำที่ต้องละเว้นจากที่ทำกิจให้เกิดการงดเว้นจากกายทุจริต ๓  อย่าง  คือ  
        ๑. งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
        ๒. งดเว้นจากการลักทรัพย์
        ๓. งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม 
    

๕. สัมมาอาชีวะ คือ การหาเลี้ยงชีพที่ถูกต้อง หมายถึง การทำมาหากินอย่างซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีการทุจริต ที่ทำกิจให้เกิดการงดเว้นจากมิจฉาชีพซึ่งเป็นไปทางกายหรือวาจาที่ทุจริต

๖. สัมมาวายามะ คือ ความเพียรที่ถูกต้อง หมายถึง ความอุตสาหะหรือความพยายามที่ อยู่ในวิถีทางที่ดี ที่เกิดกับกุศลจิตที่เป็นไปพร้อมกับสติปัฏฐาน และวิปัสสนาญาณ  เป็นความเพียรที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง


๗. สัมมาสติ คือ การมีสติที่ถูกต้อง หมายถึง การระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา โดยกำจัด  ความฟุ้งซ่าน การระลึกชอบ    หมายถึง   สติเจตสิกที่ระลึกที่ลักษณะของนามธรรม หรือรูปธรรม  จนปัญญามีกำลังประจักษ์แจ้งสภาพธรรมไปตามลำดับ และเมื่อมัคคจิต เกิดขึ้น  สัมมาสติก็ระลึกที่ลักษณะของนิพพาน

๘. สัมมาสมาธิ คือ การมีสมาธิที่ถูกต้อง หมายถึง การฝึกกายและอารมณ์ให้สงบ หมายถึง เอกัคคตาเจตสิกที่เกิดกับกุศลจิตในขณะที่สติปัฏฐานและวิปัสสนาญาณเกิดสัมมาสมาธิทำจิตและเจตสิกอื่นให้ตั้งมั่นในอารมณ์คือนามธรรมหรือรูปธรรมที่กำลังปรากฏเพื่อที่ปัญญาจะได้รู้ชัดลักษณะของนามรูปนั้นๆและ เมื่อมัคคจิตเกิดขึ้นสัมมาสมาธิก็ทำให้จิต และเจตสิกอื่นตั้งมั่น ในอารมณ์คือนิพพาน




          การที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นนั้น   ต้องดำเนินตามหนทางที่ถูกต้อง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น    ซึ่งก็ต้องเริ่มตั้งแต่ในขั้นของการอบรมด้วยการ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับในขณะที่สติปัฏฐานเกิดระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ขณะนั้นมรรคมีองค์ ๕  กล่าวคือ  สัมมาทิฏฐิ   สัมมาสังกัปปะ  สัมมาวายามะ  สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ เกิดขึ้นพร้อมกันและถ้ามีวิรตีเจตสิกหนึ่งเจตสิกใดเกิดด้วย ก็เป็นมรรคมีองค์ ๖ เป็นการอบรมมรรคอันเป็นโลกิยมรรค  ยังไม่ถึงขั้นที่เป็นโลกุตตระ    เพราะมรรคทั้ง ๘ องค์จะประชุมพร้อมกันในขณะที่มรรคจิต ผลจิตเกิดขึ้นเท่านั้น   ซึ่งถ้าไม่เดินทางตามที่ถูกต้องแล้ว ก็ย่อมไม่มีวันถึงขณะที่มรรคจิตและผลจิต จะเกิดได้เลย  แต่อย่างไรก็ดี สำหรับ อริยมรรค มีองค์ 8 นั้นเป็เรื่องที่ยาก และ ไกลมาก สำคัญที่การอบรมเหตุ คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง เพื่อเป็นเหตุให้เกิดปัญญา  ปัญญานั้นเอง  จะปรุงแต่ง และ ปฏิบัติหน้าที่   ให้กุศลธรรมประการอื่นๆ เจริญขึ้น และ ทำให้ถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ในที่สุด   อันมีปัญญาเป็นหัวหน้า นำทางไปสู่หนทางที่ดับกิเลส


อ้างอิง
http://www.dhammahome.com/webboard/topic/23275

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น